trustfinance-logo
TrustFinance

5 กองทุนรวมทองคำ ผลตอบแทนแรงสุดปี 2025 (คัดมาให้แล้ว!)

User profile image

Thanakit Sutto

Thg 11 06, 2025

86

|

5 min read


Blog image

 

ปี 2025 กลายเป็นปีทองของทองคำอย่างแท้จริง ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ผันผวน ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ยิ่งส่งผลให้การลงทุนในทองคำโดยเฉพาะในรูปแบบกองทุนรวมได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนไทย

สำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะเลือกลงทุนในทองคำแบบไหนดี ระหว่างการ “ออมทอง” หรือ “กองทุนรวมทองคำ” เราขอแนะนำให้คุณอ่านบทความเปรียบเทียบฉบับเต็มที่นี่: ออมทอง Vs กองทุนรวมทองคำ แบบไหนเหมาะกับการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจข้อดี ข้อเสีย และวัตถุประสงค์ของแต่ละรูปแบบการลงทุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

กองทุนรวมทองคำถือเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายกว่าการถือทองคำแท่ง เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา ไม่ต้องเปิดบัญชีซื้อขายทองคำ และสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น อีกทั้งยังมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแลพอร์ตการลงทุนแทนผู้ลงทุน

ในบทความนี้ เราได้คัดเลือก 5 กองทุนรวมทองคำที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปี 2025 โดยพิจารณาจากข้อมูลจริง พร้อมสรุปข้อมูลสำคัญ จุดเด่น จุดด้อย ค่าธรรมเนียม และระดับความเสี่ยง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและตรงเป้าหมายมากที่สุด

ทำไมทองคำถึงมาแรงในปี 2025?

ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ได้รับความนิยมทุกครั้งเมื่อเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ปี 2025 เป็นปีที่ราคาทองคำทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักดังนี้:

  • ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ค่าเงินอ่อนตัวและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น
  • อัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศยังไม่ลดลงอย่างที่คาด ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้นหรือพันธบัตรมีความน่าสนใจลดลง
  • ความตึงเครียดระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หรือความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
  • การอ่อนค่าของเงินบาท เมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนทองคำที่ลงทุนในต่างประเทศยิ่งสูงขึ้น

5 กองทุนทองคำผลตอบแทนดีที่สุด ปี 2025

1. LH Gold Fund – ผลตอบแทนสูงสุดของปี

กองทุนนี้ลงทุนใน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนโยบายบริหารแบบ Feeder Fund โดยเน้นการติดตามราคาทองคำให้ได้ใกล้เคียงที่สุด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำแบบตรง ๆ โดยไม่เน้นป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี: 25.3%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 32.8%
  • ชนิดหน่วย: แบบสะสมมูลค่า (LHGOLD-A), จ่ายปันผล (LHGOLD-D), ออนไลน์ (LHGOLD-E)
  • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าซื้อสำหรับ LHGOLD-E
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: เริ่มต้น 500 บาท ครั้งถัดไป 100 บาท
  • ระดับความเสี่ยง: 8 (สูงสุด)
  • จุดเด่น: เริ่มต้นต่ำมาก เหมาะกับมือใหม่ ซื้อผ่านออนไลน์ได้สะดวก
  • จุดด้อย: ไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

2. Principal iGOLD – มาตรฐานระดับโลก

กองทุนนี้บริหารโดยบริษัทจัดการกองทุนระดับโลก มีนโยบายลงทุนใน SPDR Gold Trust เช่นเดียวกัน โดยไม่มีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน ผู้ลงทุนจึงต้องรับความผันผวนของค่าเงินบาทร่วมด้วย

  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี: 24.4%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 34.1%
  • ชนิดหน่วย: iGOLD-C, iGOLD-E (ไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อ)
  • ค่าบริหารจัดการ: ราว 0.3% ต่อปี (รวมค่าธรรมเนียมทั้งหมด ~1.87%)
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 1,000 บาท
  • ระดับความเสี่ยง: 8
  • จุดเด่น: กองทุนขนาดใหญ่กว่า 26,500 ล้านบาท บริหารโดยทีมงานมืออาชีพระดับสากล
  • จุดด้อย: ไม่เฮดจ์ค่าเงิน มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

3. MFC iGOLD – ประสบการณ์ยาวนาน

กองทุนนี้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2009 ถือเป็นหนึ่งในกองทุนทองคำที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ใช้นโยบายลงทุนผ่าน SPDR Gold Trust ผ่านตลาดฮ่องกง ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง

  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี: 24.3%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 32.4%
  • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าซื้อขาย ค่าบริหารรวม ~0.8–1% ต่อปี
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 1,000 บาท
  • ระดับความเสี่ยง: 8
  • จุดเด่น: ไม่มีค่าซื้อ-ขาย ผู้จัดการกองทุนสามารถเฮดจ์ค่าเงินตามสถานการณ์ได้
  • จุดด้อย: ไม่ป้องกันความเสี่ยงอย่างเต็มรูปแบบ และค่าธรรมเนียมอาจสูงกว่าบางกอง

4. SCB GOLDH – ทางเลือกสำหรับคนไม่อยากลุ้นค่าเงิน

กองทุนทองคำจาก SCBAM ที่มีนโยบายเฮดจ์ค่าเงิน 100% หมายความว่าผลตอบแทนจะสะท้อนจากราคาทองคำเพียงอย่างเดียว ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความแน่นอน

  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี: 24.2%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 34.7%
  • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าซื้อขายเมื่อซื้อผ่าน SCB Easy
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 1 บาท
  • ระดับความเสี่ยง: 8
  • จุดเด่น: เริ่มต้นเพียง 1 บาท ซื้อขายง่ายผ่าน SCB Easy ไม่มีค่าธรรมเนียม
  • จุดด้อย: ผลตอบแทนอาจต่ำกว่ากองไม่เฮดจ์ในระยะยาว

5. KF-HGOLD – ทางเลือกสายกรุงศรี

กองทุนทองคำจาก บลจ.กรุงศรี ที่เฮดจ์ความเสี่ยงค่าเงินเกือบเต็ม 100% ลงทุนหลักใน SPDR Gold Trust มีจุดเด่นที่สามารถซื้อผ่านแอป KMA ได้สะดวกสำหรับลูกค้ากรุงศรี

  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี: 23.8%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 33.5%
  • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าขายคืน และมักยกเว้นค่าซื้อ
  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: 500 บาท
  • ระดับความเสี่ยง: 8
  • จุดเด่น: เหมาะกับผู้ที่ใช้บริการธนาคารกรุงศรีฯ ซื้อสะดวกผ่านแอป
  • จุดด้อย: ช่องทางการซื้ออาจไม่หลากหลายเท่าบางกองทุนอื่น

ตารางเปรียบเทียบกองทุนทองคำเด่น ปี 2025

กองทุน

ผลตอบแทน 1 ปี

เฮดจ์ค่าเงิน

ขั้นต่ำ

เหมาะกับใคร

LH Gold

32.8%

ไม่เฮดจ์

500 บาท

มือใหม่ อยากได้กำไรเต็ม

Principal iGOLD

34.1%

ไม่เฮดจ์

1,000 บาท

ชอบมาตรฐานสากล

MFC iGOLD

32.4%

เฮดจ์บางครั้ง

1,000 บาท

อยากได้ความยืดหยุ่น

SCB GOLDH

34.7%

เฮดจ์เต็ม

1 บาท

ไม่อยากเสี่ยงค่าเงิน

KF-HGOLD

33.5%

เฮดจ์เกือบเต็ม

500 บาท

ลูกค้ากรุงศรี

วิธีเลือกกองทุนทองคำให้เหมาะกับตัวคุณ

  • ถ้าคุณไม่อยากลุ้นเรื่องค่าเงินบาท ควรเลือกกองทุนที่เฮดจ์ค่าเงิน เช่น SCB GOLDH หรือ KF-HGOLD
     
  • ถ้าคุณยอมรับความผันผวนได้ และต้องการผลตอบแทนที่อาจสูงกว่า ให้เลือกกองทุนที่ไม่เฮดจ์ เช่น LH Gold หรือ Principal iGOLD
     
  • ถ้าคุณมีงบน้อย SCB GOLDH เริ่มต้นเพียง 1 บาท ส่วน LH Gold เริ่มต้นเพียง 500 บาท
     
  • ถ้าคุณต้องการกองทุนขนาดใหญ่และมั่นคง Principal iGOLD และ SCB GOLDH คือตัวเลือกที่น่าสนใจ

ข้อควรรู้ก่อนลงทุน

  • ทุกกองทุนที่แนะนำมีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 8 (สูงสุด)
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินเย็น และสามารถถือระยะกลางถึงยาว (6 เดือนขึ้นไป)
  • ควรลงทุนไม่เกิน 5–10% ของพอร์ตทั้งหมดเพื่อกระจายความเสี่ยง
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยโลก ค่าเงินดอลลาร์ เงินเฟ้อ และวิกฤตโลก

สรุป

ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปี 2025 แต่การเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองยังคงเป็นสิ่งสำคัญ กองทุนที่เฮดจ์ค่าเงินเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง ขณะที่กองทุนที่ไม่เฮดจ์ค่าเงินเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น

การลงทุนทองคำควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพอร์ต ไม่ควรเกิน 10% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด และควรศึกษาข้อมูลกองทุนให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน

หากคุณอยากเรียนรู้ทางเลือกการลงทุนทองคำที่ลึกขึ้นอีกขั้น เช่นการลงทุนในทองคำผ่านตลาดหลักทรัพย์โดยตรง แนะนำให้อ่านบทความนี้เพิ่มเติม: รู้จัก Gold ETF ทางเลือกใหม่ของการลงทุนในทองคำ

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนอย่างมีสติ ไม่ใช่แค่หวังโชคทอง


Source

SET Investnow: 10 กองทุนรวมทองคำ ผลตอบแทนสูง ปี 2568
https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/676-tsi-top-10-gold-mutual-funds-2025-high-returns
 

LH Fund: กองทุนเปิด แอล เอช โกลด์ (LHGOLD)
https://www.lhfund.co.th/th/funds/long-term-funds/open-end-fund/lhgold
 

Principal TH: กองทุน PRINCIPAL iGOLD
https://www.principal.th/th/mutual-fund/principal-igold-e
 

MFC: กองทุน MFC International Gold (IGOLD-G)
https://www.mfcfund.com/fund/main/igold-g/
 

SCBAM: กองทุน SCB GOLDH / SCBGOLDHE
https://www.scbam.com/myfund/fundprofile/SCBGOLDH
 

Krungsri Asset: กองทุน KF-HGOLD
https://www.krungsriasset.com/th/mutual-fund/fund-profile/kf-hgold

 

เขียนโดย

User profile image

Thanakit Sutto

Finance content writer with a passion for investing, believes that good knowledge empowers smart decisions.

แท็ก:


บทความนี้มีประโยชน์สำหรับคุณหรือไม่?

0

0


บทความที่เกี่ยวข้อง

TrustFinance ใช้คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้