การเลือกโบรกเกอร์ Forex ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ ในประเทศไทยก็มีโบรกเกอร์ที่น่าสนใจหลายเจ้า แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกพิเศษสองโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Pepperstone และ Exness ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มเทรดเดอร์ชาวไทย เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละเจ้า และจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
เปรียบเทียบคะแนนและรีวิวบน TrustFinance
ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแลของโบรกเกอร์
Pepperstone
จดทะเบียนและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC, FCA, CySEC, SCB, CMA, BaFin, DFSA
ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมฟอเร็กซ์มาอย่างยาวนาน
มีการแยกเก็บเงินทุนลูกค้าไว้ที่ธนาคารชั้นนำระดับโลก เช่น National Australia Bank, Barclays
Exness
จดทะเบียนกับหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง เช่น FCA, CySEC, FSA, BVI FSC, FSCA
ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2008 ดำเนินกิจการมานานกว่า 15 ปี
เป็นสมาชิกของ Financial Commission องค์กรที่ช่วยปกป้องผลประโยชน์นักลงทุน
ผลสรุป: ทั้ง Pepperstone และ Exness ต่างเป็นโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามกฎหมาย จดทะเบียนกับหน่วยงานชั้นนำ และมีประสบการณ์ในวงการมานาน ถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูงเหมือนกัน
ต้นทุนการเทรด: สเปรด คอมมิชชั่น และสวอป
Pepperstone
สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ในบัญชี Razor, 1 pip ในบัญชี Standard
บัญชี Razor มีค่าคอมมิชชั่น $3/lot ยกเว้นทองคำ ส่วนบัญชี Standard ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
คิดค่าสวอปในทุกประเภทบัญชี
Exness
สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี
บางประเภทบัญชีจะไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่บางบัญชีจะคิดค่าคอมมิชชั่นคงที่หรือขึ้นกับปริมาณการเทรด
มีข้อเสนอ Swap Free หลายระดับ ช่วยลดต้นทุนในระยะยาว
ผลสรุป: Pepperstone มีข้อได้เปรียบด้านสเปรดที่ต่ำกว่า โดยเฉพาะในบัญชี Razor ส่วน Exness มีความหลากหลายของประเภทบัญชี ซึ่งเหมาะกับเทรดเดอร์ในแต่ละระดับ รวมถึงยังมีข้อเสนอ Swap Free ที่น่าสนใจ
ข้อเสนอ โปรโมชั่น และการฝากถอน
Pepperstone
ฝากถอนเงินรวดเร็วผ่านธนาคารไทย รองรับการชำระเงินหลากหลาย เช่น QR code, internet banking, crypto
โปรแกรมเพื่อนแนะนำเพื่อน รับโบนัส
Exness
ฝากถอนเร็วผ่านธนาคารไทย ฝากเงินเข้าทันที ถอนภายใน 24 ชั่วโมง รองรับเงินดิจิทัล
มีโปรโมชั่นต่อเนื่อง เช่น เฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี, กิจกรรมช่วยเหลือสังคม
มีบริการ VPS ฟรี เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ EA
ผลสรุป: จุดเด่นของ Pepperstone คือความรวดเร็วในการฝากถอนเงิน และมีโปรแกรมที่ให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าเก่า ส่วน Exness มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจเรื่อยๆ พร้อมบริการเสริมอย่าง VPS ฟรี ซึ่งเทรดเดอร์หลายคนต้องการ
เครื่องมือการเทรดและแพลตฟอร์ม
Pepperstone
มีแพลตฟอร์มให้เลือกหลากหลายทั้ง TradingView, MT4, MT5 และ cTrader ที่มาพร้อมกับเครื่องมือการเทรดเสริม เช่น Smart Trader Tools
รองรับ Social Trading ผ่านบริการภายนอกอย่าง Myfxbook, DupliTrade และ SIgnal Start
บริการลูกค้าดีเยี่ยม ฝ่ายสนับสนุนภาษาไทย 7 วันต่อสัปดาห์
Exness
รองรับ MT4, MT5 และพัฒนาเว็บเทรดเดอร์ Exness Terminal ที่ใช้งานได้ทันทีบนเบราว์เซอร์
มีแพลตฟอร์ม Social Trading เฉพาะสำหรับผู้ที่สนใจคัดลอกสัญญาณจากเทรดเดอร์ระดับมืออาชีพ
มีโปรแกรม Premier ให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าที่มียอดเทรดสม่ำเสมอ
บริการลูกค้าภาษาไทยทุกวัน พร้อมช่องทางช่วยเหลือที่หลากหลาย
ผลสรุป: ทั้ง Pepperstone และ Exness รองรับ MT4/MT5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม ต่างพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะที่เน้นความลื่นไหล ใช้งานง่าย และรองรับการคัดลอกเทรดจากมืออาชีพ ด้านการบริการลูกค้าถือว่าเป็นเลิศทั้งคู่
การให้บริการและดูแลลูกค้า
Pepperstone
เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 9.00 - 21.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 9.00 - 18.00 น.
รองรับช่องทางของไทยอย่างครบครัน ทั้ง QR Code, Internet Banking ของธนาคารหลักๆ
การฝากจะเข้าบัญชีแบบอัตโนมัติ การถอนใช้เวลาประมาณ 1 วันทำการ
Exness
ให้บริการวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 6.00 - 18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น. นอกจากนี้ยังมีฝ่าย Live Chat ภาษาอังกฤษที่ให้บริการตลอด 24 ชม.
รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทยหลายแห่ง โดยการฝากจะเข้าทันที การถอนภายใน 24 ชม. และยังรองรับ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, USDT
ผลสรุป: จุดเด่นที่สำคัญของทั้ง Pepperstone และ Exness คือมีฝ่ายบริการลูกค้าเป็นภาษาไทย ซึ่งให้บริการผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Live Chat, อีเมล์ และโทรศัพท์ รวมถึงการฝาก ถอน เงินที่สะดวกรวดเร็ว แต่ Exness รองรับ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, USDT ทำให้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ตารางเปรียบเทียบระหว่างสองโบรกเกอร์
บทสรุป
การเลือกระหว่าง Pepperstone หรือ Exness นั้นต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย และต้องให้ตรงกับความต้องการของเทรดเดอร์แต่ละคน ถ้าเน้นเรื่อง spread ต่ำที่สุด มีทุนสูง ชอบใช้หลากหลายแพลตฟอร์ม Pepperstone น่าจะเหมาะกว่า แต่สำหรับมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้น ชอบมีโปรโมชั่นจูงใจ ต้องการบริการเสริมอย่าง Swap Free หรือ VPS ฟรี Exness ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโบรกเกอร์ต่างมีความน่าเชื่อถือสูง ให้บริการด้วยคุณภาพ และได้รับความนิยมในไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเลือกโบรกเกอร์ใด สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาหาความรู้ มีวินัยในการเทรด บริหารความเสี่ยงเป็น เลือกระบบเทรดให้เหมาะสมกับตัวเอง แล้วผลกำไรที่ยั่งยืนจะเป็นของคุณในที่สุด
ก่อนที่จะลงทุนทุกครั้ง ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มั่นใจได้ แนะนำให้อ่านรีวิวที่ TrustFinance แพลตฟอร์มตรวจสอบโบรกเกอร์ Forex และบริษัททางการเงินที่เชื่อถือได้ พร้อมรวบรวมรีวิวจากผู้ใช้จริงเอาไว้ให้เลือกอ่านอย่างครบถ้วน
แหล่งอ้างอิง