ในโลกของ Blockchain เราอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ Layer 1 และ Layer 2 กันมาบ้าง แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า Layer 2 คืออะไร
และทำไมถึงสำคัญสำหรับการแก้ปัญหาความช้าของระบบ Blockchain ในการทำธุรกรรมต่างๆ วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจ Layer 2 กันครับ!
Layer 1: ปัญหาความช้าใน Blockchain
ก่อนที่เราจะเข้าไปที่ Layer 2 มาทำความเข้าใจกับ Layer 1 กันก่อนดีกว่า ซึ่งก็คือ Blockchain หลักที่เราใช้กัน เช่น Bitcoin หรือ Ethereum นั่นเอง
ปัญหาหลักของ Layer 1 คือ ความสามารถในการรองรับการทำธุรกรรมที่ไม่สูงมากนัก Bitcoin หรือ Ethereum บางครั้งทำให้การทำธุรกรรมช้าลง หรือใช้เวลานานขึ้น ซึ่งเกิดจากปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
นั่นคือสาเหตุที่การใช้ Layer 1 อาจไม่เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการการทำงานที่รวดเร็วและมีความสามารถรองรับธุรกรรมที่มากขึ้นในเวลาเดียวกัน
Layer 2: ทางออกใหม่สำหรับ Blockchain ที่เร็วขึ้น
ที่นี่เองที่ Layer 2 เข้ามามีบทบาท Layer 2 คือ ระบบหรือเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกับ Layer 1 แต่ไม่ต้องพึ่งพา Blockchain หลักโดยตรง มันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดภาระจาก Layer 1
โดยการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การบีบอัดข้อมูลและการทำธุรกรรมในลักษณะพิเศษที่ไม่ต้องบันทึกทุกการเปลี่ยนแปลงลงในบล็อกเชนหลัก
ตัวอย่างของ Layer 2:
- The Lightning Network (สำหรับ Bitcoin)
เป็นโซลูชั่นของ Layer 2 ที่ทำให้ Bitcoin ทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น โดยการเปิดช่องทางการทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้หลายๆ คนโดยไม่ต้องบันทึกทุกธุรกรรมบน Bitcoin blockchain ซึ่งทำให้ลดเวลาการยืนยันธุรกรรมและค่าธรรมเนียมได้มาก
- Optimistic Rollups (สำหรับ Ethereum)
เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประมวลผลธุรกรรมภายนอก Ethereum blockchain และนำผลลัพธ์มารวมเข้าในบล็อกเชนหลักในภายหลัง วิธีนี้ช่วยให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้นมาก ลดความหน่วงเวลาและปัญหาค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไป
ทำไม Layer 2 ถึงสำคัญ?
Layer 2 ทำให้ Blockchain มีความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นและสามารถรองรับการใช้งานในปริมาณมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียประสิทธิภาพหรือความปลอดภัยของ Layer 1
การพัฒนา Layer 2 จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันช่วยให้ Blockchain สามารถขยายตัวได้มากขึ้นและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานในอนาคตได้
นอกจากนี้ Layer 2 ยังช่วยลดต้นทุนของการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นข้อดีอย่างยิ่งในโลกของสกุลเงินดิจิทัล ที่การโอนเงินหรือทำธุรกรรมในแต่ละวันสามารถเกิดขึ้นในปริมาณมหาศาล
สรุป
Layer 2 คือทางออกใหม่ที่ช่วยแก้ไขปัญหาความช้าในการทำธุรกรรมของ Blockchain และทำให้สามารถรองรับการใช้งานในปริมาณที่มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หาก Layer 1 คือโครงสร้างพื้นฐานของ Blockchain Layer 2 ก็เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้โครงสร้างนี้ทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
Proof of Work vs. Proof of Stake เจาะลึก! ถึงข้อดีข้อเสียที่คุณควรรู้
Source
https://www.investopedia.com/what-are-layer-1-and-layer-2-blockchain-scaling-solutions-7104877