trustfinance-logo
TrustFinance

เลือกบัญชีเทรด forex แบบไหนให้เหมาะกับคุณ

A

Anonymous

Thg 01 31, 2025

529

|

3 min read


Blog image

 

ตลาด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเงินหมุนเวียนหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เพื่อเริ่มต้นการเทรด Forex จำเป็นต้องมีบัญชีเทรด ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป 

 

แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกประเภทบัญชีเทรดให้เหมาะกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยวางรากฐานให้ประสบความสำเร็จในการซื้อขายได้ บทความนี้จึงจะพาไปเปรียบเทียบความแตกต่างของบัญชี Forex แต่ละประเภท เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกเปิดบัญชีได้อย่างชาญฉลาด

 

ประเภทบัญชีเทรด Forex ที่นิยมใช้กัน มีดังนี้

 

Standard Account (บัญชีมาตรฐาน)

เป็นประเภทบัญชีดั้งเดิมที่ใช้เทรด Forex มาตั้งแต่ช่วงแรก ในตลาดปัจจุบันจะเรียกว่าบัญชีแบบ Classic ก็ได้ ขนาดของ 1 lot มาตรฐานจะเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ซึ่งถ้าเป็นคู่สกุลเงินที่มีดอลลาร์สหรัฐอยู่ด้านหลัง เช่น EUR/USD จะหมายถึง 1 pip เท่ากับ 10 ดอลลาร์

 

ข้อดี คือมีความแม่นยำในการคำนวณราคาสูง ไม่มีปัญหาโดนปัดเศษ ขณะที่คำสั่งซื้อขายจะสามารถส่งตรงเข้าสู่ตลาดได้เลย โดยไม่ต้องรอการอนุมัติใหม่ (requote) พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ใช้เลเวอเรจได้สูงถึง 1:1000 เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเงินทุนมากพอสมควร มองหากำไรจำนวนมาก และยอมรับความเสี่ยงได้สูง ข้อเสีย คือควบคุมความเสี่ยงได้ยากกว่า เนื่องจากต้องเปิดออเดอร์ด้วยจำนวนที่มากกว่า

 

Mini Account (บัญชีขนาดเล็ก)

บัญชีประเภทนี้จะมีขนาด 1 lot เท่ากับ 10,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก หรือ 1 pip เท่ากับ 1 ดอลลาร์สำหรับคู่สกุลเงินที่มี USD เป็นสกุลเงินตัวหลัง

 

ข้อดี คือ ทำให้คำนวณขนาดของออเดอร์ที่จะเปิดได้ละเอียดมากขึ้น ควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น เนื่องจากใช้เงินมาร์จิ้นและขนาดออเดอร์ที่น้อยลง ปัจจุบัน บัญชีประเภทนี้มีความนิยมสูงและโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้เงื่อนไขที่ใกล้เคียงกับบัญชีมาตรฐาน จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่อยากควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น และใช้เงินทุนน้อยลง แต่ยังคงเก็บเกี่ยวกำไรได้ใกล้เคียงกับบัญชีใหญ่

 

Micro Account (บัญชีขนาดเล็กลงไปอีก)

บัญชีขนาดเล็ก 1 lot เท่ากับ 1,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ขนาด 1 pip เท่ากับ 0.1 ดอลลาร์สำหรับคู่ USD

 

ข้อดี คือ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเทรด Forex เพราะใช้เงินลงทุนน้อยมาก ในบางแพลตฟอร์มเริ่มต้นได้เพียงหลักร้อยบาท แถมเลเวอเรจก็สูงถึง 1:200 ช่วยจำกัดความเสี่ยงได้สูงกว่า แต่ข้อเสีย คือ กำไรที่ได้จะน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนออเดอร์ รวมถึงอาจไม่ได้ spread ที่ดีที่สุด และสภาพคล่องอาจต่ำกว่าบัญชีใหญ่

 

Cent Account (บัญชีเซ็นต์)

มีขนาดเล็กที่สุด โดย 1 lot = 100 หน่วยสกุลเงิน ส่วน 1 pip มีมูลค่า 1 เซ็นต์ของดอลลาร์

 

ข้อดี คือ เปิดบัญชีได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่ดอลลาร์ และมีเลเวอเรจสูงมากถึง 1:1000 ที่ช่วยให้ซื้อขายคู่เงินได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น lot เล็กในระดับ nano micro หรือ mini ใช้เงินทุนเพียงนิดเดียว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่ต้องการใช้บัญชีทดลอง หรือใช้ในการทดสอบเครื่องมือเทรดใหม่ๆ แต่ข้อเสีย คือ มักเป็นโบรกเกอร์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานชั้นนำ อาจเกิดความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือ ส่งคำสั่งซื้อขายได้ช้ากว่า และอาจไม่ได้นำออเดอร์ส่งต่อไปยังตลาดจริง

 

Demo Account (บัญชีทดลอง)

เป็นบัญชีจำลองที่ให้เทรดด้วยเงินเสมือนจริง ไม่ต้องเสี่ยงเงินของตัวเอง โดยจะมีเครื่องมือและข้อมูลราคาเดียวกันกับบัญชีจริง

 

ข้อดี คือ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากฝึกฝนการเทรด ทดสอบระบบหรือกลยุทธ์ก่อนลงสนามจริง รวมถึงใช้ทดลองแพลตฟอร์มใหม่ๆได้ ส่วนข้อเสีย คือ ไม่สามารถถอนกำไรออกมาได้ อาจไม่มี Slippage เหมือนบัญชีจริง และไม่มีความกดดันทางอารมณ์เหมือนการลงทุนเงินจริง

 

ECN Account (บัญชีผ่านตัวกลางระหว่างธนาคาร)

บัญชีประเภทนี้จะผ่าน order ไปยังตลาดระหว่างธนาคารโดยตรงด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่ผ่านศูนย์เทรดของโบรกเกอร์ แต่มีค่าคอมมิชชั่นในการส่งออเดอร์

 

ข้อดี คือ การเข้าถึงสภาพคล่องระดับธนาคาร มีความโปร่งใสสูงในการกำหนดราคา และไม่มีการแทรกแซงการเทรดจากโบรกเกอร์ โดยสามารถเลือกเลเวอเรจได้ตั้งแต่ 1:1 ถึง 1:500 และเริ่มต้นเพียง 50 ดอลลาร์ แต่ข้อเสีย คือ อาจเกิด Slippage ได้บ้าง และ Spread อาจกว้างตามสภาวะความผันผวนในตลาด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินทุนค่อนข้างมาก

 

STP Account (บัญชีประมวลผล Straight Through)

เป็นบัญชีซื้อขายผ่านระบบ STP ที่นำ order ไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องหรือ STP broker อื่น โดยไม่ผ่านการซื้อขายของโบรกเกอร์ ทำให้ได้ spread ที่ดีกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป

 

ข้อดีคือ การประมวลผลออเดอร์ที่รวดเร็วกว่า ECN และโบรกเกอร์จะไม่เทรดสวนกับเรา สามารถใช้เลเวอเรจได้สูงกว่า ECN แต่ข้อเสียคือ การดำเนินการอาจช้ากว่า ECN เล็กน้อย รับความผันผวนของ spread ได้ และอาจมี Slippage มากกว่า

 

PAMM Account (บัญชีจัดการเงินแบบแบ่งสัดส่วน)

เป็นระบบพูลเงินที่ให้นักลงทุนนำเงินมาใส่ในบัญชีย่อยที่ผูกกับบัญชีเทรดของผู้จัดการเงิน โดยผู้จัดการเทรดแล้วนำกำไรมาแบ่งให้ตามสัดส่วนที่ตกลง เช่น 50-50

 

ข้อดีคือ ไม่ต้องเทรดเอง แต่ให้ผู้มีประสบการณ์ช่วยบริหารจัดการให้ เข้าถึงง่ายแม้มีเงินลงทุนน้อย และสามารถกำหนดจำนวนเงินลงทุนและขอบเขตการขาดทุนได้ แต่ข้อเสียคือ ต้องเชื่อใจฝีมือของผู้จัดการเงินเท่านั้น โดยไม่ได้ควบคุมการเทรดเองหรือหยุดการเทรดได้ หากผลขาดทุนเงินลงทุนจะติดอยู่ในระบบ

 

MAM Account (บัญชีจัดการเงินแบบหลายบัญชี)

คล้ายกับ PAMM แต่ให้อิสระกับนักลงทุนมากกว่า โดยนักลงทุนสามารถแทรกแซงการเทรดของผู้จัดการ ปิดออเดอร์เอง หรือตั้งออเดอร์เพิ่มได้

 

ข้อดีคือ นักลงทุนมีอิสระในการควบคุมบัญชีตัวเองได้มากกว่า PAMM ใช้เลเวอเรจต่ำได้ และเริ่มต้นด้วยเงินทุนขั้นต่ำเพียงหลักร้อยก็สามารถลงทุนได้ แต่ข้อเสียที่พึงระวังคือ การแทรกแซงการเทรดอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ของผู้จัดการ หรือการเปิดออเดอร์เพิ่มเองอาจนำไปสู่มาร์จิ้นคอลได้ รวมถึงมีความเสี่ยงที่นักเทรดจะใช้บัญชีเล็กสร้างสถิติที่ดูดี เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนนำเงินมาใส่เป็นจำนวนมาก โดยที่นักลงทุนอาจขาดประสบการณ์พอที่จะวิเคราะห์ความเสี่ยงนั้น

 

Copy Trading Account (บัญชีก๊อปปี้เทรด)

เป็นระบบการเทรดตาม ให้นักลงทุนเลือกบัญชีเทรดเดอร์ที่ผลงานดี แล้วให้ระบบคัดลอกการเทรดมายังบัญชีของเราโดยอัตโนมัติ โดยนักลงทุนยังคงควบคุมบัญชีของตัวเองได้ เป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าระบบอื่นๆ เพราะไม่สร้างภาระให้นักเทรดที่ถูกคัดลอก และนักลงทุนมีอิสระแบบเต็มที่ในการจัดการบัญชี

 

ข้อดีคือ ระบบจะจัดอันดับเทรดเดอร์โดยใช้หลายปัจจัย เช่น ผลกำไร เงินทุนของตัวเทรดเดอร์เอง ระยะเวลาที่เทรด ค่าคอมมิชชั่น และการจัดการความเสี่ยง เป็นต้น ทำให้นักลงทุนมีข้อมูลในการตัดสินใจได้ดีขึ้น สามารถคัดลอกเฉพาะบางส่วนของปริมาณการเทรดได้ เรียนรู้ระบบการเทรดของเทรดเดอร์ที่เลือก พร้อมกับได้ผลตอบแทน แต่ข้อเสียคือ การควบคุมมากเกินไปของนักลงทุนอาจส่งผลต่อกำไรขาดทุนของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งหากบัญชีของเทรดเดอร์เพิ่งเปิดใหม่ การทำอันดับอาจทำได้ยากกว่า ซึ่งอาจไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง

 

Swap Free Account (บัญชีปลอดสวอป)

บัญชีที่ไม่คิดดอกเบี้ยสวอปรายคืน ซึ่ง โดยจะใช้ค่าธรรมเนียมคงที่แทน

 

ข้อดีคือ ผู้ที่ถือสามารถเทรด Forex ได้ข้ามคืนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ใครก็ขอเปิดบัญชีประเภทนี้ได้ แต่ต้องยื่นคำร้องเป็นพิเศษ ส่วนข้อเสียคือ ค่าธรรมเนียมอาจมีต้นทุนสูงกว่าสวอปเล็กน้อย และต้องตรวจสอบโบรกเกอร์ให้ดีว่ารองรับบัญชีประเภทนี้หรือไม่

 

บทสรุป

การเลือกประเภทบัญชี Forex ขึ้นอยู่กับความต้องการและเงินทุนของเรา รวมถึงระดับประสบการณ์และความถนัดในการเทรด แต่ที่สำคัญต้องเลือกจากโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่ดี ซึ่งสำหรับนักเทรดมือใหม่ชาวไทย ก็ควรพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภทบัญชีให้ถี่ถ้วน

 

หากเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อย ขอแนะนำให้ใช้บัญชีขนาดเล็กหรือไมโครก่อน เพื่อเรียนรู้วิธีการจัดการความเสี่ยงไปด้วย พร้อมกับฝึกฝนฝีมือจนมีความพร้อม จากนั้นจึงค่อยขยับไปเทรดในบัญชีที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ

 

ส่วนโบรกเกอร์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย มีทั้ง Exness, XM, FBS ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เช่น Exness มีความโปร่งใส มีบัญชีเซ็นต์ ขั้นต่ำเริ่มต้น 1 ดอลลาร์ ส่วน XM ก็ให้เลเวอเรจสูง มีบัญชีไมโครและสเตนดาร์ด ส่วน FBS ก็รองรับหลายแพลตฟอร์ม เปิดบัญชีขั้นต่ำเพียง 1 ดอลลาร์ จะเห็นได้ว่าแต่ละเจ้ามีความโดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจสมัคร พร้อมทั้งฝึกฝนทักษะและความรู้ควบคู่กันไป แล้วปรับเปลี่ยนบัญชีให้เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุน Forex ได้อย่างยั่งยืน 

 

อีกหนึ่งประการสำคัญนอกจากการเลือกบัญชีเทรด Forex ก็คือการเลือกโบรกเกอร์ในการเทรด Forex ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน อยากรู้ว่าโบรกเกอร์ไหนมีข้อดี-ข้อเสียเป็นอย่างไร เข้ามาดูได้ที่ TrustFinance แพลตฟอร์มตรวจสอบโบรกเกอร์ Forex ที่คุณมั่นใจได้ รวมรีวิวที่น่าเชื่อถือไว้มากมาย ให้คุณค้นพบโบรกเกอร์ที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตนเอง

 

 

Sources




 

Written by

A

Anonymous


Is this article helpful for you?

0

0


Related Articles

TrustFinance use cookie for analytics to improve your experience. Check all the information about ourCookies policy