ในวันที่โลกการเงินกำลังก้าวสู่ความไร้พรมแดนและไร้ศูนย์กลาง คริปโตเคอร์เรนซีได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ทั้งโลกจับตามอง
แต่ในขณะที่โอกาสและผลตอบแทนถูกพูดถึงอย่างตื่นเต้น ความเสี่ยงในโลกของคริปโตกลับยังเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม
ไม่ว่าจะเป็นการผันผวนที่รุนแรง การหลอกลวงผ่าน Smart Contract หรือแม้แต่การล่มสลายของแพลตฟอร์มชื่อดัง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในโลกอนาคต แต่มันเกิดขึ้นมาแล้วจริง และยังอาจเกิดขึ้นได้อีก
คำถามคือ คุณรู้เท่าทันความเสี่ยงเหล่านี้มากแค่ไหน
Rug Pull: กับดักที่ซ่อนอยู่ในสายตา
Rug Pull คือคำศัพท์ในวงการคริปโตที่ใช้เรียกเหตุการณ์ที่ผู้พัฒนาโครงการถอนตัวออกจากโปรเจกต์พร้อมกับเงินทั้งหมดที่นักลงทุนใส่ไว้ในนั้น
มันเปรียบเหมือนคุณเดินเข้าไปในร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ ทุกอย่างดูสดใหม่ มีคนรีวิวบอกว่าดี ราคาน่าสนใจ และทันทีที่คุณสั่งเมนูพิเศษด้วยเงินทั้งหมดที่คุณมี ร้านก็ปิดไฟ หนีหายไป
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดขาขึ้นและผู้คนแห่เข้ามาลงทุนในโปรเจกต์ใหม่โดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีพอ
บางโครงการสร้างหน้าตาเว็บไซต์ให้ดูน่าเชื่อถือ ใช้ชื่อทีมงานปลอม หรือใช้ Influencer โปรโมตในระยะสั้นก่อนเทขายโทเคนและถอน Liquidity ออกไป
สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่แค่การสูญเสียเงินทุน แต่คือความรู้สึกเสียศรัทธาในระบบ ซึ่งทำให้หลายคนเลิกสนใจคริปโตไปเลยทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น
ความผันผวน: ความเสี่ยงที่ทุกคนรู้ แต่ยังประเมินต่ำเกินไป
Volatility หรือความผันผวน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับตลาดคริปโตมาแต่แรก และบางครั้งถูกมองว่าเป็นเสน่ห์ของตลาดนี้
ในขณะที่ตลาดหุ้นปรับขึ้นหรือลงวันละไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เหรียญคริปโตสามารถขึ้นหรือลงได้เป็นสิบเปอร์เซ็นต์ภายในไม่กี่ชั่วโมง
ความเร็วของการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับนักเทรดมือโปรที่มีแผนชัดเจน แต่สำหรับนักลงทุนทั่วไป ความผันผวนกลายเป็นสิ่งที่ยากจะควบคุม
หลายคนซื้อคริปโตตอนราคาพุ่งโดยหวังว่าจะขึ้นต่อ แล้วต้องเผชิญกับแรงเทขายที่ตามมาจนขาดทุนหนัก
การตั้งความหวังว่าจะขายให้ได้จุดสูงสุด หรือคิดว่าตลาดจะฟื้นกลับมาในเวลาอันสั้น คือกับดักทางจิตวิทยาที่ทำให้หลายคนติดดอยโดยไม่รู้ตัว
ในโลกที่ไม่มีศูนย์กลางและไม่มีวันหยุด ความผันผวนไม่ได้หยุดตามวันเสาร์อาทิตย์ และนั่นคือเหตุผลที่ต้องระวังมากกว่าที่คิด
การล่มของ Exchange: เมื่อบ้านของคุณหายไปในพริบตา
หนึ่งในความเสี่ยงที่ดูเหมือนไกลตัว แต่จริงๆ แล้วใกล้กว่าที่คิด คือการล่มของ Exchange หรือแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
หลายคนคิดว่าเก็บคริปโตไว้ใน Exchange คือทางเลือกที่ปลอดภัย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการ Wallet เอง
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นกรณีที่ Exchange รายใหญ่ระดับโลกประสบปัญหาสภาพคล่อง ถูกแฮก หรือแม้แต่ปิดกิจการหนีหายไปพร้อมกับเงินของลูกค้า
กรณีของ FTX, Mt.Gox หรือ QuadrigaCX ล้วนเป็นตัวอย่างที่เตือนว่า แม้แต่แพลตฟอร์มที่เคยถูกมองว่าน่าเชื่อถือก็ยังมีโอกาสล่มได้
และเมื่อ Exchange ปิดระบบ ถอนเงินไม่ได้ หรือถูกอายัดโดยหน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุนที่ไม่ได้ถือกุญแจส่วนตัวก็ไม่สามารถทำอะไรกับสินทรัพย์ของตัวเองได้เลย
วลีที่ว่า Not your keys, not your coins จึงไม่ใช่แค่คำเตือน แต่มันคือกฎทองของโลกคริปโต
โลกที่เปิดเสรีมากขึ้น ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
ความสวยงามของโลกคริปโตคือมันไร้พรมแดน เปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใคร
แต่ความเสรีนี้ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงขึ้น และความเสี่ยงที่กระจายไปยังผู้ใช้งานโดยตรง
ไม่มีใครมาช่วยตามเงินคืน ไม่มีหน่วยงานกลางที่คุ้มครอง หากคุณตัดสินใจพลาด
ทางเดียวที่จะอยู่รอดในระบบนี้ ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แต่คือการเข้าใจมันให้มากพอ
รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ทำงานอย่างไร และเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า
การอ่าน Whitepaper การตรวจสอบทีมพัฒนา การใช้ Hardware Wallet และการติดตามข่าวสารคือเครื่องมือที่ช่วยลดความเสี่ยงได้จริง
ไม่ใช่เพื่อให้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่
สรุป: โอกาสในคริปโตมีอยู่จริง แต่ต้องแลกมาด้วยความระมัดระวัง
ตลาดคริปโตเต็มไปด้วยโอกาส และใช่ มันเปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วมากมาย
แต่โอกาสเหล่านั้นไม่ได้มาโดยไม่มีความเสี่ยง
ยิ่งเราเห็นมูลค่าที่พุ่งขึ้น เราก็ยิ่งต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ใต้กราฟเหล่านั้นมากขึ้น
เพราะในโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ความผิดพลาดเล็กๆ เพียงครั้งเดียว อาจแลกมาด้วยความเสียหายมหาศาล
หากคุณอยากจะอยู่ในเกมนี้ให้ได้นานที่สุด บางทีสิ่งสำคัญที่สุดอาจไม่ใช่การตามหาผลตอบแทนสูงสุด
แต่คือการรู้จักวิธีอยู่รอดในวันที่ตลาดไม่เป็นใจ
Source
https://workpointtoday.com/one-post-for-rug-pull/
https://www.finnomena.com/channel/cryptoday-ep6-rugpull/