trustfinance-logo
TrustFinance

แนวรับ-แนวต้าน เข็มทิศนำทางสู่การลงทุนที่ชาญฉลาด 

User profile image

TrustFinance Research Team

Thg 01 17, 2025

51

|

2 min read


Blog image

 

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมราคาสินทรัพย์ถึงดูเหมือนจะติดอยู่ที่ระดับราคาหนึ่ง แล้วพุ่งขึ้นหรือดิ่งลงอย่างรวดเร็ว? คำตอบอยู่ที่แนวคิดเรื่อง “แนวรับ แนวต้าน” นั่นเอง วันนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนอย่างคุณวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ไขปริศนาแนวรับ-แนวต้าน: ทำไมถึงสำคัญต่อนักลงทุน?

แนวรับแนวต้าน ไม่ใช่แค่เส้นบนกราฟ แต่เป็นภาพสะท้อนจิตวิทยาของตลาด ซึ่งเป็นการบอกกับเราว่านักลงทุนส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับราคาสินทรัพย์ ณ ขณะนั้น

แนวรับและแนวต้านเปรียบเสมือนเส้นสมมติที่นักลงทุนใช้คาดการณ์จุดที่ราคาอาจจะเปลี่ยนทิศทาง โดยแนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาหนุน ส่วนแนวต้านคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงขายออกมากดดัน 

 

Support Resistance

เจาะลึกประเภทของแนวรับ-แนวต้าน

แนวรับ-แนวต้านมีหลายรูปแบบ แต่ละแบบก็มีรูปแบบเฉพาะตัว

  • แนวนอน (Horizontal): เส้นตรงแนวนอนที่ราคามักจะสะดุดหรือเด้งกลับ

็Horizontal Line
แหล่งที่มา: investopedia

  • แนวเฉียง (Diagonal): เส้นเอียงที่แสดงทิศทางของราคาในระยะยาว

Diagonal Line

แหล่งที่มา: investopedia

  • แนวผันเปลี่ยน (Dynamic): เส้นที่เคลื่อนไหวตามเวลา เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

Dynamic Line

แหล่งที่มา: investopedia

  • จิตวิทยา (Psychological): ระดับราคากลมๆ ที่นักลงทุนมักให้ความสำคัญ

การรู้จักแนวรับ-แนวต้านแต่ละประเภทช่วยให้คุณอ่านเกมการลงทุนได้แม่นยำขึ้น เหมือนกับนักฟุตบอลที่รู้จุดอ่อนจุดแข็งของคู่แข่งนั่นเอง

วิธีระบุแนวรับ-แนวต้าน: ศาสตร์และศิลป์ของการวิเคราะห์กราฟ

การหาแนวรับ-แนวต้านไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นทักษะที่ฝึกฝนได้นี่คือเคล็ดลับง่ายๆ

  • มองหาจุดกลับตัวในอดีต: ราคามักจะ “จำ” จุดที่เคยเปลี่ยนทิศทางได้
  • สังเกตปริมาณการซื้อขาย: แนวรับ แนวต้านที่แข็งแกร่งมักมาพร้อมปริมาณการซื้อขายสูง
  • ใช้เครื่องมือทางเทคนิค: Fibonacci หรือ Moving Averages ช่วยคุณได้
  • ดูช่วงเวลาหลายๆ กรอบ: แนวรับ แนวต้านในกรอบเวลาใหญ่มักสำคัญกว่า

จำไว้ว่า การระบุแนวรับ แนวต้านเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ยิ่งฝึกฝน ยิ่งแม่นยำ

 

Support Resistance

กลยุทธ์การเทรดด้วยแนวรับ แนวต้าน: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ

นี่คือตัวอย่างของวิธีนำแนวรับ แนวต้านมาใช้ในการเทรด

  • ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน: กลยุทธ์คลาสสิกที่ใช้ได้ผลเสมอ
  • รอการ Break Out: เมื่อราคาทะลุแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณขาขึ้น
  • ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย: Break Out ที่มาพร้อมปริมาณสูงมักน่าเชื่อถือกว่า
  • ใช้ Stop Loss: วางคำสั่งขายตัดขาดทุนใกล้ๆ แนวรับเพื่อจำกัดความเสี่ยง

ข้อควรระวังในการใช้แนวรับ-แนวต้าน: อย่าหลงเชื่อจนลืมตัว

แม้แนวรับ-แนวต้านจะเป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษที่จะพาคุณรวยชั่วข้ามคืน ซึ่งก็มีข้อควรระวังดังเช่น

  • ไม่มีแนวรับ แนวต้านที่สมบูรณ์แบบ: ราคาอาจทะลุผ่านได้เสมอ
  • อย่าใช้เพียงเครื่องมือเดียว: ผสมผสานกับการวิเคราะห์แบบอื่นๆ ด้วย
  • ระวังการตีความผิด: บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่แนวรับ แนวต้านจริง
  • ปรับตัวตามสภาพตลาด: แนวรับ แนวต้านอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์

การใช้แนวรับ แนวต้านอย่างมีสติและรอบคอบจะช่วยให้คุณเป็นนักลงทุนที่ฉลาดและประสบความสำเร็จในระยะยาว

 

Support Resistance

บทสรุป

แนวรับ แนวต้านไม่ใช่แค่เส้นบนกราฟ แต่เป็นภาษาของตลาดที่บอกเราว่านักลงทุนกำลังคิดอะไรอยู่ การเข้าใจและใช้เครื่องมือนี้อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณอ่านเกมการลงทุนได้ดีขึ้น ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่จำไว้เสมอว่า แนวรับ แนวต้านเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการวิเคราะห์รอบด้าน การบริหารเงินทุนที่ดี และที่สำคัญที่สุดคือ การควบคุมอารมณ์


แหล่งอ้างอิง

  • https://www.investopedia.com/trading/support-and-resistance-basics/
  • https://www.babypips.com/learn/forex/support-and-resistance
  • https://trendspider.com/learning-center/what-are-support-and-resistance-in-trading/

 

 

เขียนโดย

User profile image

TrustFinance Research Team

Official TrustFinance research and editorial team, sharing insights, analysis, and best practices to help financial companies and traders build transparency, credibility, and growth.

แท็ก:


บทความนี้มีประโยชน์สำหรับคุณหรือไม่?

0

0


บทความที่เกี่ยวข้อง

TrustFinance ใช้คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้